DUCATI 796

DUCATI 796



  1. เรื่องค่าบำรุงดูแลรักษา ไม่รวมค่าน้ำมัน ตกประมาณ กิโลเมตรละบาท ขี่ไปกี่กิโลเมตรให้เตรียมไว้ตามนั้น บางท่านผมบอกว่า กิโลละ 3 บาท เผื่อล้มแล้วต้องเปลี่ยน อะไหล่  ดังนั้น การจะขี่มันได้ นี่ต้องเตรียมเงินไว้พอสมควร  เพราะอย่างถ้า Ducati StreetFigther เฉพาะค่าท่อนะครับ ล้มสไลค์มา ไป ศูนย์บริการตีราคาเป็นนับแสนบาท
     
    1. ค่าโช็คหน้า Monster ประมาณ 100,000 บาท 
    2. ค่าไฟหน้าประมาณ 30,000บาท
    3. ค่ากระจกคู่ละ 8,000บาท
    4. ค่าไฟเลียวหลัง ถ้าหักหรือแตก เปลี่ยนหมด 3,000บาท 
    5. พักเท้าถ้าหัก ข้างละ 800บาท
    6. ที่พักเท้าทั้งชุดข้างละประมาณ 8,000บาท
    7. ยางคู่ละประมาณ 10,000บาท 
    8. ผ้าเบรคข้างละ 3,900บาท เปลี่ยนยกชุด ก็ประมาณ 12,000บาท
    9. สายพานไทม์มิ่งเบลค์  แพงเอาการเหมือนกัน ขออภัยผมจำไม่ได้ต้องเปลี่ยนที่ 24,000km. 
    10. ลูกรอกสายพานลูกละ 6,000
    11. น้ำมันเครื่องเปลี่ยนศูนย์ ประมาณ 3,000 ต่อครั้ง ถ้าผิดขออภัย

      ข้อ 1.8 - 1.10 จะไปหนักตอน 24,000Km. จะหมดประมาณ 30,000กว่าบาท รวมน้ำมันเครื่องด้วย  ครับ ทั้งน้ถ้าขับไม่รีดคลัทช์มาก , ไม่ยกล้อหน้าบ่อย เรื่องคลัทช์นี่ทนใช้ได้ครับ ผมขับมา 30,000km. ยังไม่ได้เปลี่ยน  หรือมีอาการคลัทช์ลื่น  ถ้าไม่เปลี่ยนตามศูนย์บริการบอก  มีผลต่อประกัน  กรณีพบความเสียหายเกิดขึ้นมา
        
  2. การบำรุงดูแลรักษาจะมีทั้งหมดอยู่ 3 - 4 ระยะนะครับ 
    1. 1,000 กิโลเมตร
    2. 6,000 กิโลเมตร 
    3. 12,000 กิโลเมตร
    4. 24,000 กิโลเมตร 
    5. น้ำมันเครื่อง ตามหลักเปลี่ยนที่ทุกๆ 6,000 แต่ผมเปลีย่น ทุกๆ 4,000 เพราะขับหนัก 
    6. ยางถ้าเป็นยาง Standard ติดรถ  Monster ปี 2012 จะเป็นยางทัวริ่ง  พิเรลลี่รุ่น Angel จะหมดการใช้งานที่ประมาณ 28,000 ครับ ขี่ต่อได้ครับ แต่การเกาะจะลดลง และ หน้ายางจะเริ่มทะลุล่ะ
           กรณีถ้าขี่ลงสนาม ยางจะไม่เกาะแล้วครับที่ 18,000
        
    7. ที่เหลือเข้ามาตรวจสอบทุกๆ 30,000 กิโลเมตร ที่เหลือบำรุงรักษาตามสภาพ
    8. ถ้าเปลี่ยนเป็นยางแบบ Compound จะมีอายุการใช้งานที่ประมาณ 10,000 - 14,000 กิโล ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
       
  3. เรื่อง Feeling ในการขับ หรือ  ขี่  ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ ว่ามันเป็นรถ สองสูบ และ มีช่วงทดเกียร์ที่ห่าง  ดังนั้นจะมีอาการกระตุก หรือ สั่น ได้ถ้าวิ่งที่รอบต่ำๆ  ประมาณ 3,500

    ดั้งน้นทางแก้จึงต้องรู้จักรอบเครื่องยนต์ให้ดี  รอบเครื่องจะนิ่ง จะประมาณ 2,500 , 4,000 , 7,000 จะเป็นช่วงๆ ครับของการขับ เคยมีพี่คนนึงถามผมว่า ทำไมขับเร็ววะ ผมตอบแกสั้นๆ น่ะครับ ขับช้ารถมันสั่น จึงต้องบิด ต้องเร่งให้ได้รอบที่มันไม่สั่น

    ถ้าใครชอบลากเกียร์ Monster ครับ ขับมันส์ เกียร์ 5 รถผมขับไปถึง 190Km./h.   เพราะฉะนั้นถ้าจะว่าไปแล้ว feeling และ ความนิ่มไม่เท่ากันกับ  สี่สูบเรียง หรือ สามสูบเรียง แน่นอนครับ

    กำลังหรือแรงม้าของรถจะมาประมาณ 6,000 - 7,000 รอบ ดังนั้นถ้าอัดแข่งกันกับ ER-6N , Ninja-650 เราจะกินก็ประมาณ 170Km./h ขึ้น  ส่วนตีนต้น พอๆ กันครับ เผลอๆ ER, NinJa จะวิ่งดีกว่า  ถ้าจะให้วิ่งดีขึ้นคงต้องเปลี่ยน Ster ละครับ ผมเองก็ว่าจะเปลี่ยน  ประมาณเดือน ตุลาคม 2556

    Performance  Ducati Monster 795 Standard สู้กับ  ER-6N แต่งไม่ได้ครับ ฉีกหายเลย  ผมเคยไล่อัดกับรถแข่งที่แต่งเอาไว้ที่สนามพีระเซอร์กิต  ตามไม่ทันครับ แรงบิดสูงกว่ามาก

    ทางตรง สนามไทยแลนด์ Max สุดได้ประมาณ 140 - 150 ต้องยกแล้วครับ ก่อนเข้า T1 ไม่งั้น คุมลำบากหรือแหก
         
  4. เรื่องไฟแนนช์มีหลักง่ายๆครับ ติดค่ารถเกิน 3 เดือนแจ้งยึด และ ต้องจ่่ายสามเดือนที่ค้างไว้ หากไม่แล้วต้องชำระจำนวนเต็ม แถมโดนยึดรถคืนอีก
      
  5. ค่าประกันประมาณปี 20,000 และ ราคาที่เคลมลดลงตามจำนวนวันนับจากวันที่จ่าย หรือ ตามจำนวนหลักไมค์ที่วิ่ง  เช่นเมื่อแรกประกัน 0 กิโลยอดเงินเคลม ประมาณ 350,000บาท ผ่านไปครึ่งปีจะเหลือประมาณ 150,000 - 170,000บาท เป็นต้น ( ลองเช็กดูในในคู่มือประกันอีกทีนึงครับ )
  6. โช็ค หน้า - หลัง  แบบธรรมดาปรับยาก และ ไม่เหมาะกับการใช้งานแบบเค้นประสิทธิภาพ หรือ ลงสนามแข่ง เท่าที่ควร ถ้าต้องการเปลี่ยนเอาของตัว Monster Evo 1100 มาใส่ครับ มันเป็น Ohlihn  
      

สรุป 

รถ Ducati Monster ต้องมีเงินพอสมควรในการใช้งานมัน เนื่องจาก Brand  ทำให้มันแพง  และ มันเป็นรถสองสูบ ฟิลลิ่งมันไม่ใช่ล่ะครับ   อีกทั้งต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่รถสปอร์ต  มันเป็นรถขับเล่น ประสิิทธิภาพปานกลาง  ถ้าชอบความแรง และ ประสิทธิภาพ ออกรถสปอร์ตไปเลยครับ 

ผมเองตัวคนเดียว รายได้ต่ำ ถึง ปานกลางดังนั้น จึงมีกำลังพอควรในการใช้จ่ายๆ อาจไม่ถึงกับสบาย และ ต้องีปาดเหงื่อบางคร้้งที่ต้อง ซ่อมบำรุงมันมา จะขายคงไม่ทันล่ะครับ ขับไปร่วม 30,000 กว่ากิโลล่ะ สำหรับระยะ   6 - 7 เดือน

ดังนั้นหากจะซื้อรุ่นไหน หรือ  รถอะไร ดูกำลังของเราเป็นหลัก  อย่าไปดูความแรง หรือ ความสวย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเร่องที่ไม่ได้ใช้ และ ไม่จำเป็นสำหรับการขับขี่โดยปกติ 





ผมมีกฏง่ายๆ ครับ

ให้ตั้งคำถามกับตัวเองนะครับ  ตอนลองรถ หรือ ขับรถ 

  1. ถ้าขี่รถแล้วมีคำถามในใจว่า มันต้องดีกว่านี้ มันต้องแรงกว่านี้ ออกตัว Sporrt 1,000cc. ไปเลยครับ จบ. 
  2. ถ้าขี่รถแล้วมีคำถามในใจว่า มันแรงเกินไป ก็ลดรุ่น ลงมาหรืออยู่ที่ตัวเดิม 
  3. ถ้าขี่รถแล้วไม่มีคำถามในใจ  เตรียมเปลี่ยนรถครับเป็นพวก คลาสสิค หรือ ฮาเล่ย์ จะมีความสุข  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น